วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประโยชน์ของการให้ทาน

                                 การให้ทาน  

๏ ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
          ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
                     หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ชนะมาร
                        อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.
           

               การให้ทาน คือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนโดยหมายให้ผู้ได้รับได้พ้นจากทุกข์ แบ่งออกเป็น ๓ อย่างได้แก่
๑.อามิสทาน คือการให้วัตถุ สิ่งของ หรือเงินเป็นทาน
๒.ธรรมทาน คือการสอนให้ธรรมะเป็นความรู้เป็นทาน
๓.อภัยทาน คือการให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ดีกับเรา ไม่จองเวร หรือพยาบาทกัน

               การให้ทานที่ถือว่าเป็นความดี และได้บุญมากนั้นจะประกอบด้วยปัจจัย ๓ ประการอันได้แก่

๑.วัตถุบริสุทธิ์ คือเป็นของที่ได้มาโดยสุจริต ไม่ได้ไปยักยอกมา โกงมา หรือได้มาด้วยวิธีแยบยล
๒.เจตนาบริสุทธิ์ คือมีจิตยินดี ผ่องใสเบิกบาน ไม่รู้สึกเสียดายสิ่งที่ให้ ตั้งแต่ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้
๓.บุคคลบริสุทธิ์ คือให้กับผู้รับที่มีศีลธรรม ตัวผู้ให้เองก็ต้องมีศีลที่บริสุทธิ์

               การให้ทานที่ถือว่าไม่ดี และยังอาจเป็นบาปกรรมถึงเราทางอ้อมอีกด้วยได้แก่
๑.ให้สุรา ยาเสพย์ติด เป็นต้น (ถ้าเขาเมาแล้วขับรถชนตาย เราก็มีส่วนบาปด้วย)
๒.ให้อาวุธ (ถ้าอาวุธนั้นถูกเอาไปใช้ประหัตประหาร บาปก็มาถึงเราด้วย)
๓.ให้มหรสพ คือการบันเทิงทุกรูปแบบ
๔.ให้สัตว์เพศตรงข้ามเพื่อผสมพันธุ์ อันนี้รวมถึงการจัดหาสาวๆ ไปบำเรอผู้มีอำนาจหรือผู้น้อยด้วยเป็นต้น
๕.ให้ภาพลามก หรือสิ่งพิมพ์ลามก เพราะทำให้เกิดความกำหนัด เกิดกามกำเริบ (เมื่อดูแล้วเกิดไปฉุดคร่า ข่มขืนใคร บาปก็ตกทอดมาถึงเราด้วย)

 ทานมีอานิสงส์  ตามคุณสมบัติผู้ให้
 ๑. ผู้ให้ทานด้วยศรัทธามั่นคงไม่หวั่นไหว  มีจิตใจผ่องใส  ทั้งก่อนให้  ขณะให้และหลังจากให้แล้ว       ผลแห่งทานย่อมทำให้เขาเป็นผู้มีรูปงาม  ผิวพรรณงาม  น่ามองน่าเลื่อมใส
๒. ผู้ให้ทานด้วยความเคารพ  
ผลแห่งทานย่อมทำให้เขามีภรรยา  สามี  บุตร  และบุคคลใกล้ชิดเป็นคนดี  รู้จักเชื่อฟัง
๓. ผู้ให้ทานตามกาล  
ผลแห่งทานย่อมทำให้เขาสำเร็จสมปรารถนาทันเวลาที่ต้องการ
๔.ผู้ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์ 
ผลแห่งทานย่อมทำให้เขาได้รับความอนุเคราะห์จากคนทั้งหลาย  ถึงคราวลำบากย่อมมีคนคอยช่วยเหลือเสมอ

การให้ทานมีประโยชน์อย่างไร?

       การให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์ จะผลแห่งทานย่อมทำให้เขาได้รับความอนุเคราะห์จากคนทั้งหลาย     ถึงคราวลำบากย่อมมีคนคอยช่วยเหลือเสมอ  ดิฉันจะยกตัวอย่างเรื่องราวของนายแพทย์เดชา ทองวิจิตร เด็กขี้ขโมย ในโฆษาของทรูมูฟ เฮช นื้อหาของเรื่องราวนี้ เป็นเรื่องของเด็กผู้ชายขโมยยามาจากร้านขายยาเพื่อให้แม่ที่ป่วย แต่ถูกเจ้าของจับได้ อาเฮียเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเห็นเหตุการณ์ เข้าไปช่วยเหลือ ออกค่ายาแทนให้ และให้เกาเหลาอีก 1 ถุง   ผ่านมา 30 ปี อาเฮียเจ้าของร้านถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล เพื่อผ่าตัดสมองกะทันหัน หมวยลูกสาวคนเดียวเครียดเรื่องค่ารักษาพยาบาลจนต้องประกาศเซ้งร้าน แต่แล้วในใบแจ้งค่าใช้จ่ายจากหมอที่ดูแล เขียนข้อความว่า “ค่าใช้จ่าย 0 บาท เนื่องจากหมอได้รับไว้เมื่อ 30 ปีก่อน…”



เอกสารอ้างอิง http://www.dhammathai.org/treatment/poem/poem15.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น